นอกจากการจัดการศึกษาของมิชชันนารี คณะภคินีและภราดาจากต่างประเทศและคณะภคินี หรือนักบวชหญิงพื้นเมืองดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีโรงเรียนของสังฆมณฑลและโรงเรียนของฆราวาสคาทอลิกอีกเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้ว่า อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และสังฆมณฑลอีก 9 แห่ง คือ สังฆมณฑลจันทบุรี สังฆมณฑลเชียงใหม่ สังฆมณฑลนครสวรรค์ สังฆมณฑลราชบุรี สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี อัครสังฆมณฑลท่าแร่ - หนองแสงสังฆมณฑลอุบลราชธานี สังฆมณฑลนครราชสีมา และ สังฆมณฑลอุดรธานี รวมมีโรงเรียนในสังกัด 121 โรง ส่วนโรงเรียนฆราวาสคาทอลิกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 88 โรง เมื่อรวมกับโรงเรียนของคณะนักบวชที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจำนวน 98 โรง จึงสรุปได้ว่าโรงเรียนคาทอลิกในประเทศไทยในปีการศึกษา 2540 มีจำนวน 307 โรง
กล่าวโดยสรุปการศึกษาคาทอลิกในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเป็นยุคที่เจริญเติบโตขึ้นมาก มีคณะนักบวชชาย - หญิง จากต่างประเทศได้รับเชิญเข้ามาช่วยจัดการศึกษาและงานแพร่ธรรมเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ในขณะเดียวกันคณะนักบวชพื้นเมืองก็เพิ่มจำนวน และมีความเข้มแข็งในการจัดการศึกษา นับเป็นการเพิ่มกำลังมาร่วมบริหารจัดการศึกษาได้ดีมีคุณภาพอย่างเห็นได้ชัด เป็นเหตุให้ผู้ปกครองเห็นคุณค่าของการศึกษาคาทอลิก จึงส่งบุตรธิดาเข้าเรียนมากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้เพราะเมื่อกล่าวถึงการศึกษาคาทอลิก ผู้ปกครองจะคิดถึงคุณภาพการศึกษา เน้นการปลูกฝังอบรมให้ผู้เรียนมีวินัย มีความรู้ ความสามารถ โดยเฉพาะในการเรียนภาษาต่างประเทศที่มีคุณภาพสูงเน้นการอบรมคุณธรรม จริยธรรม จึงกล่าวได้ว่า ปรัชญาการศึกษาคาทอลิกเน้นการพัฒนาคนให้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม หลักสูตรการเรียนการสอนมีความเป็นสากลและสามารถปรับประยุกต์ใช้ได้กับคนต่างชาติต่างวัฒนธรรม และที่สำคัญที่สุดคือ เชื่อว่าครูเป็นหัวใจของการจัดการศึกษา จึงให้ความสำคัญกับการผลิตและพัฒนาครู อบรมเรื่องจิตตารมณ์ครู และยกย่องให้เกียรติครู