สถานที่ติดต่อ

122/9 อาคารแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120

สถานที่ติดต่อ

เปิดบริการ จันทร์ - ศุกร์ 
หยุด เสาร์ - อาทิตย์

ติดต่อเพิ่มเติม

โทร : 02-681-3840-4 อีเมล์ : catheduth@gmail.com

การประชุมคณะกรรมการกำกับทิศทางฯ ครั้งที่ 2/2568
โครงการสภาการศึกษาคาทอลิกไทยร่วมขับเคลื่อนงานป้องกันควบคุมบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทย” จัดประชุมคณะกรรมการกำกับทิศทางฯ ครั้งที่ 2/2568
📍📜จุดยืนของสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทยต่อนโยบายพนันออนไลน์และคาสิโน
ข่าวประชาสัมพันธ์ - ขอเชิญครูเข้าร่วมอบรมเตรียมให้ความรู้ก่อนเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2568
ฝ่ายอัตลักษณ์การศึกษาคาทอลิก สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ขอเชิญครูเข้าร่วมอบรมเตรียมให้ความรู้ก่อนเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2568 เรื่อง “ครูโรงเรียนคาทอลิกก้าวด้วยอัตลักษณ์ในปีศักดิ์สิทธิ์ 2025”
การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ของสมาคมสภาการศึกษาคาทอลิก (ประเทศไทย) การประชุมคณะกรรมการอำนวยการสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมเล็ก โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ สีลม
ประชุมเตรียมความพร้อมโครงการ MISSION POSSIBLE Youth Social Hackathon : Season 2
การประชุมคณะกรรมการบริหารสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568
วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 10.00 - 12.00 น. ห้องประชุมชั้น 6 ฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
🎁เข้าพบสวัสดีปีใหม่ นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ (สช.)🎁
Catholic Education Council of Thailand
ตลาดนัดคุณธรรม โชว์ แชร์ เชื่อมโรงเรียนเครือข่ายคาทอลิกภาคกลาง (โรงเรียนคุณธรรมตามอัตลักษณ์ของโรงเรียนคาทอลิก)
พิธีมอบรางวัลให้กับโรงเรียนและครูผู้ขับเคลื่อนงานโรงเรียนปลอดบุหรี่ ประจำปี 2567
ศึกษาดูงาน Best Practice โรงเรียนมารีย์อุปถัมภ์
สมาคมครูโรงเรียนคาทอลิกแห่งประเทศไทยศึกษาดูงาน Best Practice โรงเรียนมารีย์อุปถัมภ์

หลักการเบื้องต้นของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามอัตลักษณ์ศึกษาคาทอลิก

การศึกษาที่เป็นคาทอลิกมีศูนย์กลางที่พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็น “หนทาง ความจริง และชีวิต” (ยอห์น 14:6) การศึกษาคาทอลิกจึงมีอัตลักษณ์ที่เด่นชัด บทความนี้ เขียนขึ้นเพื่อนำเสนอหลักการเบื้องต้นของการจัดการศึกษาตามอัตลักษณ์การศึกษาคาทอลิกให้ตรงตามเจตนารมณ์เป้าหมายของการศึกษาคือ การนำนักเรียนให้พัฒนาบุคลิกภาพ เพิ่มพูนวุฒิภาวะสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความหมาย มีจิตวิญญาณ จิตใจ สติปัญญา และร่างกายที่มีดุลยภาพ ผสมกลมกลืนกันในความเป็นมนุษย์แท้

ลักษณะพิเศษของการจัดการศึกษาที่มีพระเยซูคริสต์เป็นรากฐานนี้ ปรากฏเด่นชัดด้วยการบูรณาการวัฒนธรรมกับความเชื่อ และความเชื่อกับชีวิต การศึกษาคาทอลิก ครอบคลุมความใส่ใจใน 4 ด้าน คือ

1. บรรยากาศทางการศึกษา

2. การพัฒนาความเป็นมนุษย์ของนักเรียนเป็นรายบุคคล

3. ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมกับข่าวดีของพระคริสต์

4. การให้ความกระจ่างความรู้ทั้งปวงด้วยแสงแห่งความเชื่อ

จากการวิเคราะห์และสังเคราะห์เนื้อหาของลักษณะพิเศษของการศึกษาคาทอลิก 4 ด้าน ซึ่งชี้นำโดยสมณสาสน์ต่างๆ จากสันตะสำนักอันเกี่ยวด้วยการศึกษาคาทอลิก และการฟังเสียงนักการศึกษา ผู้บริหารและครูของโรงเรียนคาทอลิกในประเทศไทยจำนวนกว่า 800 ท่านจากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “อัตลักษณ์การศึกษาคาทอลิก” ที่จัดขึ้นในช่วงเวลา ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2010 ถึงมิถุนายน ค.ศ. 2012 ซึ่งได้เพิ่มพูนความตระหนักถึงบริบทและสิ่งท้าทายการจัดการศึกษาในสังคมไทยปัจจุบัน อันนำไปสู่การนำเสนอหลักเบื้องต้นที่นำไปปฏิบัติได้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของการศึกษาคาทอลิกไว้ 10 ประการ ดังต่อไปนี้

 

1. มีพระคริสต์เป็นรากฐานของกิจกรรมทั้งปวง

พระเยซูคริสต์เป็นรากฐานของกิจกรรมการเรียนรู้ของการศึกษาคาทอลิกทั้งปวง การไขแสดงของพระองค์มอบความหมายใหม่แก่ชีวิต และช่วยให้มนุษย์กำกับความคิด การกระทำ และปณิธานตามหลักการพระวรสาร ทำให้วิถีแห่ง “บุญลาภ” เป็นบรรทัดฐานของชีวิต เช่นนี้แล้วโรงเรียนคาทอลิกจึงมีหลักการพระวรสารเป็นบรรทัดฐานทางการศึกษา (โรงเรียนคาทอลิก ข้อ 34)

การศึกษาคาทอลิกจึงนำคุณค่าพระวรสารมาบูรณาการในการจัดการเรียนการสอนทุกสาระการเรียนรู้และทุกรายวิชา รวมทังมาเป็นแนวทางในการจัดบรรยากาศของโรงเรียนและการจัดกิจกรรมต่างๆ นอกจากคำสอนแล้ว การศึกษาคาทอลิกยังนำวิถีชีวิตของพระเยซูคริสต์ที่แสวงหาน้ำพระทัยของพระบิดาด้วยการมีเวลาเพื่อภาวนาฟังเสียงพระเจ้ามาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต และการปฏิบัติภารกิจการมอบความรักของพระเจ้าแก่ผู้ที่ขัดสน เจ็บป่วย และรอโอกาส มาเป็นการปฏิบัติของโรงเรียนด้วย

 

2. มีจุดหมายทางการศึกษาที่จะหล่อหลอมให้นักเรียนมุ่งสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

การศึกษาคาทอลิก มีจุดหมายที่จะหล่อหลอมนักเรียนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ในทุกมิติ(โรงเรียนคาทอลิก ข้อ 26-27) ทั้งร่างกาย สติปัญญา จิตใจ และจิตวิญญาณ ศาสนาคริสต์เชื่อว่าพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระเจ้า และทรงรักและรับมนุษย์เป็น บุตรของพระองค์มนุษย์ทุกคนจึงมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนให้เป็นผู้มีเหตุผล ใช้สติปัญญาเพื่อการเรียนรู้ เพื่อสร้างความมีคุณธรรมและพัฒนามโนธรรมสู่ความบริบูรณ์ในฐานะบุตรพระเจ้า มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความสามารถด้านต่างๆ ที่พระเจ้าประทานให้มีอยู่ในตน ซึ่งสามารถพัฒนาให้ปรากฎได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป จนบรรลุถึงความเป็นมนุษย์แท้ที่มีคุณค่า มีความรับผิดชอบ รู้จักควบคุมตนจากภายในและมีความสามารถในการตัดสินใจเลือกและปฎิบัติได้อย่างอิสระและสอดคล้องกับมโนธรรมของตนที่ได้รับการหล่อหลอมขึ้นจากการศึกษาที่มีคุณภาพ (โรงเรียนคาทอลิก ข้อ 31 และ มิติด้านศาสนาของการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก ข้อ 99)

การศึกษาเป็นการเดินทางของนักเรียน เป็นกระบวนการของการค้นพบที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆเกิดการเรียนรู้ที่ใหม่กว่า กระจ่างแจ้งกว่าต่อไปโดยไม่มีสิ้นสุด เพื่ออยู่ในเส้นทางที่นำสู่การบรรลุถึงความจริงที่เที่ยงแท้

 

3. มุ่งพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคล

การศึกษาคาทอลิกให้ความสำคัญต่อธรรมชาติของการเรียนรู้ของมนุษย์แต่ละบุคคลซึ่งแตกต่างกัน ดังนั้น การจัดการศึกษาจึงต้องคำนึงถึงศักยภาพทางร่างกาย สติปัญญาและจิตใจของนักเรียนแต่ละคนตามบริบทของเขา รวมถึงกระแสเรียกของแต่ละคนด้วย (มิติด้านศาสนาของการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก ข้อ 63)

การศึกษาคาทอลิกมีนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้ให้การศึกษาจึงควรเริ่มต้นที่การยอมรับและให้ความเคารพนักเรียนอย่างที่เขาเป็นก่อน แล้วจึงวางแผนจัดการเรียนการสอนโดยคำนึงถึงวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายในหมู่นักเรียน เพื่อให้ใช้กระบวนการที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคน อันจะทำให้นักเรียนเชื่อมั่นในความสามารถของตน พบ และเห็นคุณค่าของสิ่งทีเขาเป็นและสามารถทำได้

 

4. ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอน

การเป็นมนุษย์ คือ การได้รับพระพรแห่งสติปัญญาและอิสรภาพ การศึกษาย่อมไม่ใช่การศึกษาที่แท้จริง หากนักเรียนไม่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและอย่างสมัครใจในการเรียนรู้ของตนนักเรียนควรได้รับการสนับสนุนให้เรียนรู้ด้วยการลงมือทำและตอบสนองด้วยสติปัญญา ความมุ่งมั่น และอารมณ์อันละเอียดอ่อน (มิติด้านศาสนาของการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก ข้อ 105) การศึกษาคาทอลิกควรให้ความสำคัญกับการศึกษาแบบมีส่วนร่วม (Co-operative Learning)กล่าวคือ ให้นักเรียนร่วมกันเรียนรู้ด้วยความกระตือรือร้น ทั้งของแต่ละบุคคลและรวมพลังเป็นกลุ่ม— เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียน การค้นคว้า การทำแบบฝึกหัด กิจกรรมนอกหลักสูตร กิจกรรมกลุ่ม การสอบ การประชุมในชั้นเรียนและการประชุมใหญ่ของโรงเรียน (มิติด้านศาสนาของการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก ข้อ 47)

นักเรียนควรได้รับโอกาสในการมีส่วนร่วมอย่างสมัครใจ ในการพัฒนาเป้าหมายทางการเรียนการสอน กระบวนการการเรียนรู้ และได้รับความไว้วางใจที่จะรับมอบหมายให้รับผิดชอบร่วมกันที่จะทำงานจนบรรลุเป้าหมายร่วม เพื่อให้เกิดความภูมิใจในการเรียนรู้ของตนเองของกลุ่มและเจริญเติมโตขึ้นสู่การมีวุฒิภาวะ (มิติด้านศาสนาของการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก ข้อ 106)

 

 5. มุ่งให้นักเรียนรู้จักแสวงหาความจริง และเข้าถึงคุณค่าอย่างเป็นองค์รวม

แสงแห่งความเชื่อคริสตชนกระตุ้นให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับมนุษย์โลกและจักรวาล ในฐานะที่เป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า และปลุกเร้าให้เกิดความรักในความจริงและไม่พึงพอใจเพียงความรู้อันผิวเผินเท่านั้น( มิติด้านศาสนาของการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก ข้อ 49)

 

การศึกษาคาทอลิกมุ่งให้นักเรียนแสวงหาและเรียนรู้เพื่อเข้าถึงความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ โลกและจักรวาล ทั้งนี้อยู่บนพื้นฐานความเชื่อว่า มนุษย์ โลกและสิ่งสร้างทั้งมวลมาจากพระเจ้า สาระ

ของความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ โลกและจักรวาลมีอยู่แล้วและมิได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ความรู้และความเข้าใจของมนุษย์ในความจริงนี้กระจ่างแจ้งขึ้นตามกาลเวลา จากการสังเกต การค้นคว้า

แสวงหาและประสบการณ์ของมนุษย์ที่สะสมอย่างเป็นระบบ และเป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะโดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

 

ด้วยแสงแห่งความเชื่อทีว่า พระเจ้าทรงสร้างและมอบให้มนุษย์เป็นผู้ครอบครอง และดูแลโลกและสิ่งสร้างอื่นทั้งปวง มนุษย์จึงมีหน้าที่ที่จะต้องศึกษา ค้นคว้า และทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎ

ของโลกและจักรวาล เพื่อมนุษย์จะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับสิ่ง สร้างทั้งหลายได้อย่างให้ความเคารพทะนุถนอม และสร้างสังคมที่ดีกว่าให้แก่ชนรุ่นหลัง และเพื่อประโยชน์แก่สังคมโดยรวม

 

เป้าหมายของการสอนแต่ละวิชามิได้อยู่ที่เพียงทำให้นักเรียนได้รับความรู้ แต่ยังให้นักเรียนค้นพบความจริงและเข้าใจในคุณค่าของความจริงนั้น โดยอาศัยประสบการณ์การเรียนรู้ในรูปแบบ

ต่างๆ (โรงเรียนคาทอลิก ข้อ 39) เนื้อหาสาระของวิชาต่างๆ ต้องไม่ได้รับการนำเสนอเป็นเพียงข้อมูลความรู้เท่านั้น แต่ยังต้องช่วยให้นักเรียนได้รับการพัฒนาความสามารถและวิจารณญาณใน

การวินิจฉัยว่า สิ่งใดมีคุณค่า สิ่งใดจริง สิ่งใดเท็จ และสามารถเลือกอย่างมีคุณค่าจากการวินิจฉัยดังกล่าว (มิติด้านศาสนาของการศึกษาในโรงเรียนคาทอลิก ข้อ 57)

 

นักเรียนควรได้รับการสอนให้สามารถรู้ถึงและใช้ประโยชน์จากกรอบแนวคิดที่เป็นระบบ ระเบียบที่ถูกพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อการแสวงหาความจริง ทั้ง ด้วย

กรอบแนวคิดเชิงนิรนัย (Deduction) และเชิงอุปนัย (Induction)

 

การศึกษาคาทอลิกมุ่งที่จะช่วยให้นักเรียนมีความสามารถในการแสวงหาและค้นพบความจริง จนสามารถค้นพบความหมาย และสัจธรรมด้วยประสบการณ์ของตน (โรงเรียนคาทอลิก ข้อ

27) ไม่ใช่เพียงรู้และรับทราบในความรู้ที่มีอยู่แล้ว กรอบแนวคิดแบบอุปนัย (Induction) เน้นการสะสมองค์ความรู้โดยการค่อยๆ ปะติดปะต่อส่วนที่ยังไม่รู้ให้เพิ่มขึ้นจนก่อให้เกิดความรู้ทีแท้จริง

อย่างมีคุณค่าและเป็นองค์รวม

 

ที่มา : หนังสือก้าวไปข้างหน้าด้วยอัตลักษณ์การศึกษาคาทอลิก (หน้า28-32)

 

สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 | ALL RIGHTS RESERVED | Catholic Education Council of Thailand | www.catholic-education.or.th
เลขที่ 122/9 อาคารแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ซ.นาคสุวรรณ (นนทรี 14) ถ.นนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ 02-681-3840-4
122/9 Nonsi 14 (Nonsi Rd.), Chong Nonsi, Yan Nawa, Bangkok 10120 Tel.02-681-3840-4